ตระกูลเมดีชี (Medici)
![]() |
ตราประจำตระกูล |
เป็นตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองของฟลอเรนซ์ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 สมาชิกจากตระกูลนี้ 3 คนได้เป็น พระสันตะปาปา (สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10, สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7, และ สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 11) และนักปกครองของฟลอเรนซ์เองโดยเฉพาะโลเรนโซ เด เมดีชี ก็เป็นผู้อุปถัมภ์งานชิ้นสำคัญๆ ในสมัยเรอเนซองส์ ต่อมาตระกูลเมดีชีก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของฝรั่งเศสและอังกฤษ
![]() |
เมืองฟลอเรนซ์ |
ความมีอิทธิพลของตระกูลเมดีชีสามารถทำให้ฟลอเรนซ์กลายมามีบทบาทสำคัญต่อความรุ่งเรืองของศิลปะและสถาปัตยกรรม
ตระกูลเมดีชีและตระกูลสำคัญอื่นๆของประเทศอิตาลีในสมัยนั้น เช่น
ตระกูลวิสคอนติ (Visconti) ตระกูลสฟอร์เซ (Sforza) ตระกูลต่างๆจากมิลาน ตระกูลเอสเตแห่งเฟอร์รารา (Este of Ferrara) ตระกูลกอนซากาจากมานตัว (Gonzaga of Mantua) และตระกูลอื่นๆ
ต่างก็มีส่วนสำคัญในความเจริญของศิลปะเรอเนซองส์ และ สถาปัตยกรรมเรอเนซองส์
![]() |
ศิลปะยุคเรอเนอซองส์ |
![]() |
ศิลปะเรอเนซองส์ |
ธนาคารเมดีชีเป็นที่มั่งคั่งที่สุดในทวีปยุโรปและกล่าวกันว่าตระกูลเมดีชีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปสมัยนั้น ทำให้สร้างอำนาจทางการเมืองโดยเริ่มจากฟลอเรนซ์และอิตาลีจนในที่สุดก็ขยายไปทั่วยุโรป
สิ่งที่ตระกูลเมดีชีเป็นต้นตำรับทางการบัญชี คือ การปรับปรุงวิธีทำบัญชีโดยลงหลักฐานที่สามารถทำให้ติดตามเงินเข้าเงินออกได้ง่ายขึ้น
(double-entry bookkeeping system)
ตระกูลเมดีชีเดิมมาจากชาวกสิกรในบริเวณมูเกลโล
(Mugello) ทางตอนเหนือของฟลอเรนซ์
หลักฐานครั้งแรกที่กล่าวถึงครอบครัวนี้ก็มาจากเอกสารที่เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1260
ประวัติ
ที่มาของชื่อ “เมดีชี” ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนแต่คำว่า
“เมดีชี” ในภาษาอิตาลีหมายถึง “หมอยา” สมาชิกตระกูลเมดีชีเริ่มมามีตำแหน่งสำคัญๆ เมื่อคริสต์ศตวรรษที่
14 ในกิจการค้าขายขนแกะ โดยเฉพาะกับประเทศฝรั่งเศส และ
ประเทศสเปน
ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีชื่อเสียงทางการปกครองในบางเมืองแต่ก็ยังไม่มีความสำคัญมากเท่าตระกูลใหญ่ๆ
เช่นตระกูลอัลบิซซิ (Albizzi) หรือ ตระกูลสโตรซซิ (Strozzi)
สมาชิกที่สำคัญคนหนึ่งที่น่าจะกล่าวถึงในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 ก็คือ ซาลเวสโตร เดอ เมดีชี (Salvestro de Medici) ผู้เป็นวาทกรของ
สมาคมพ่อค้าขนแกะระหว่างการปฏิวัติชิออมปิ (Ciompi) จนถูกเนรเทศเมื่อปี
ค.ศ. 1382
การที่ตระกูลเมดีชีเข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติอีกครั้งหนึ่งเมื่อปีค.ศ. 1400 ทำให้ทั้งตระกูลถูกห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและการปกครองของเมืองฟลอเรนซ์เป็นเวลาราว
20 ปี
ยกเว้นเมื่ออาเวราร์โด (Averardo (Bicci) de Medici) ก่อตั้งวงศ์เมดีชี (Medici
dynasty) จิโอวานนิ ดิ บิชชิ (Giovanni di Bicci de Medici) ผู้เป็นลูกชายของอาเวราร์โด
สร้างความร่ำรวยให้แก่ครอบครัวเมดีชีเพิ่มขึ้นอีกโดยการก่อตั้ง “ธนาคารเมดีชี” และกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในฟลอเรนซ์
ถึงแม้ว่าจิโอวานนี ดิ
บิชชิจะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแต่ก็ได้รับการสนับสนุนเมื่อจิโอวานนิเสนอวิธีเก็บภาษีแบบสัดส่วน
(proportional taxing system) โคสิโม เดอ เมดีชี
หรือที่รู้จักกันในนาม “โคสิโมผู้อาวุโส” ผู้เป็นลูกชายของจิโอวานนิดำเนินกิจการต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1434 ในฐานะ “gran maestro” หรือ “grand master” ในภาษาอังกฤษและได้รับตำแหน่งประมุขของรัฐฟลอเรนซ์อย่างไม่เป็นทางการตระกูลเมดีชี
สาย “อาวุโส” ที่สืบสายมาจาก “โคสิโมผู้อาวุโส” ปกครองรัฐฟลอเรนซ์มาจนเมื่อ
อเลสซานโดร เดอ เมดีชีผู้เป็นดยุกคนแรกของฟลอเรนซ์ถูกลอบสังหารเมื่อปี ค.ศ. 1537 การปกครองของตระกูลเมดีชีถูกขัดจังหวะลงสองหน (ระหว่างปี ค.ศ. 1494 ถึงปี ค.ศ. 1512 และ ระหว่างปี ค.ศ. 1527 ถึงปี ค.ศ. 1530) เมื่อมีการปฏิวัติจากประชาชนขับตระกูลเมดีชีออกจากเมือง
ศิลปะและสถาปัตยกรรม
![]() |
กาลิเลโอ |
สิ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของตระกูลเมดีชี คือ การอุปถัมภ์ศิลปะและสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะในสมัยศิลปะและสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้นและตอนที่รุ่งเรืองที่สุด
งานศิลปะของฟลอเรนซ์เกือบทั้งหมดในสมัยนั้นเป็นอิทธิพลของครอบครัวนี้
นอกจากให้การสนับสนุนทางศิลปะและสถาปัตยกรรมแล้ว ตระกูลเมดีชียังเป็นนักสะสมอีกด้วย ปัจจุบันเราจะเห็นสิ่งที่ตระกูลเมดีชีสะสมไว้ได้หอศิลป์อุฟฟิซิในเมืองฟลอเรนซ์
ทางสถาปัตยกรรมตระกูลเมดีชีมีอิทธิพลต่อสิ่งก่อสร้างหลายแห่งในฟลอเรนซ์รวมทั้งพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซิ, วังพิตติ, สวนโบโบลิ (Boboli Gardens), ป้อมเบลเวเดเร (Belvedere) และวังเมดีชีเอง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครในตระกูลเมดีชีที่เป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ตระกูลเมดีชีมีชื่อเสียงในการเป็นผู้อุปถัมภ์นักดาราศาสตร์คนสำคัญคือ
กาลิเลโอ กาลิเลอีผู้เป็นครูลูกหลานในตระกูลเมดีชีหลายคน
แต่มาหยุดการสนับสนุนเอาในสมัยเฟอร์ดินานโดที่ 2 (Ferdinando
II de Medici) เมื่อกาลิเลโอถูกกล่าวหาโดยศาลศาสนาโรมัน (Roman
Inquisition) ว่าคำสอนของกาลิเลโอเป็นคำสอนนอกรีต
แต่ตระกูลเมดีชีก็ปกป้องกาลิเลโออยู่หลายปีจนกาลิเลโอตั้งชื่อพระจันทร์สี่ดวงของดาวพฤหัสบดีตามชื่อของลูกหลานตระกูลเมดีชี
คนสำคัญในตระกูลเมดีชี
ซัลเวสโตร เดอ เมดีชี (ค.ศ. 1331-ค.ศ. 1388) นำการปฏิวัติชิออมปิและมาเป็นผู้เผด็จการของฟลอเรนซ์ก่อนที่จะถูกเนรเทศเมื่อ
ปี ค.ศ. 1382
จิโอวานนี ดิ บิชชิ (ค.ศ. 1360-ค.ศ. 1429) สร้างฐานะตระกูลเมดีชีจนเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป
โคสิโม เดอ เมดีชี หรือ “โคสิโมผู้พ่อ” (ค.ศ. 1389-ค.ศ. 1464) วางรากฐานทางการเมือง
ลอเร็นโซผู้ปรีชา (ค.ศ. 1449-ค.ศ. 1492) ประมุขระหว่างยุคทองของ
ฟลอเรนซ์ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 (ค.ศ. 1475-ค.ศ. 1523)
สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 (ค.ศ. 1478-ค.ศ. 1534)
โคสิโมที่ 1 หรือ “Cosimo I the Great” (ค.ศ.
1519-ค.ศ. 1574) เป็นดยุกคนแรกของแคว้นทัสเคนี
แคทเธอรีน เดอ เมดีชี (Catherine de Medici) (ค.ศ. 1519-ค.ศ.
1589) พระราชินีแห่งฝรั่งเศส
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 11 (ค.ศ. 1535-ค.ศ. 1605)
มาเรีย เดอ เมดีชี (Maria de Medici) (ค.ศ. 1575-ค.ศ.
1642) พระราชินีแห่งฝรั่งเศส พระราชินีผู้สำเร็จราชการแห่งฝรั่งเศส
อันนา มารีอา ลุยซา เดอ เมดีชี (Anna Maria Luisa de Medici) (ค.ศ. 1667-ค.ศ. 1743) ลูกของโคสิโมที่ 3 เป็นสมาชิกสำคัญของตระกูลเมดีชีคนสุดท้าย
แคทเธอรีน เดอ
เมดีชี พระราชินีแห่งฝรั่งเศส
โคสิโม เดอ
เมดีชี หรือ “โคสิโมผู้พ่อ”
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่
10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น